ถ้า เปรียบ แม่ทัพภาค 4 เป็นขุนพลสายบู๊ คุมกำลังรบของชายแดนภาคใต้
.
เลขาฯ ศอ.บต. ก็เปรียบได้กับขุนพลสายบุ๋น คุมโครงการพัฒนาต่างๆ ที่มีงบประมาณ ราวปีละ2พันล้านบาท และงบลับปีละ 20 ล้านบาท
.
ดังนั้นการแต่งตั้งโยกย้าย เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ของสายข้าราชการ ในชายแดนภาคใต้
จึงทำให้ กลายเป็นเรื่องฮือฮาเมื่อคณะรัฐมนตรีเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติให้ ย้าย พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาฯศอ.บต. เข้าทำเนียบฯ เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งๆที่ ไม่เคยมีกระแสข่าว ล่วงหน้ามาก่อนแม้แต่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แม้ว่า พลเรือตรีสมเกียรติ จะครบวาระ4 ปี ในวัสที่19 เมษายน 2566 นี้และจะเกษียณราชการ 30กย.นี้ หลังนั่งมา เกือบ4 ปี ก็ตาม
แต่ ก็ได้มีการทำหนังสือ เรื่องการต่ออายุส่งขึ้นมาตามสายงาน เรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่มีการทักท้วงใดๆ จากระดับผู้บังคับบัญชา
พลเรือตรีสมเกียรติ เป็นนายทหารนาวิกโยธิน (นย.) ที่ทำงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ มาตั้งแต่เป็น ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ของกองทัพเรือ ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารนาวิกโยธินสายพิราบ ที่เน้นงานสร้างความเข้าใจและการพัฒนาสามารถเข้ากับชาวบ้านได้เป็นอย่างดีและมียุทธศาสตร์ในการทำงาน
พลเรือตรีสมเกียรติ เป็นนายทหารเรือที่จบจากเตรียมทหาร รุ่น 24 รุ่นเดียวกับพลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม เสธ.หยอย พลเอกอุกฤษฏ์ บุญตานนท์ เสนาธิการทหารบก และเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และบิ๊กจ่อย พลเอกธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร
แต่ที่สุด ครม.ก็มีคำสั่ง ย้ายกลับ สำนักนายกรัฐมนตรีแบบที่ พลเรือตรีสมเกียรติไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัว และเก็บของแทบไม่ทัน
จนทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่พี่น้องประชาชนชาวบ้านในพื้นที่ก็โทรศัพท์มาสอบถามและให้กำลังใจ พลเรือตรีสมเกียรติ กัน แบบไม่หยุดหย่อน จนเจ้าตัวงดรับสาย ไปหลายวัน
กระแสข่าวในพื้นที่และเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นทันทีว่า ต้องมีการเมืองเข้าแทรก เพราะเลขาธิการ ศอ.บต. คุมงบประมาณ การพัฒนา ที่สามารถให้คุณให้โทษในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นได้
โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่าเพราะพลเรือตรีสมเกียรติ ได้รับการแต่งตั้ง โดย บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงที่นายกฯ มอบหมายให้ดูแลชายแดนภาคใต้ และ เป็นประธานคณะกรรมการ คปต. และคุม ศอ.บต. ด้วย
จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่ว่าเป็นผลพวง จากศึกพี่น้อง2 ป. พลเอกประยุทธ์ กับ พลเอกประวิตร ที่อยู่กันคนละพรรคการเมือง และกำลังชิงชัยในสนามเลือกตั้ง หรือไม่
เพราะหาก พลเรือตรีสมเกียรติ เป็นคนของพลเอกประวิตร ฝ่ายพลเอกประยุทธ์ก็ย่อมต้องการจะเปลี่ยนแปลง เอาสายตรงของตัวเองมาคุมแทนหรือไม่ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในพื้นที่ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะครบเทอมพอดี และกำลังจะยุบสภา เพราะหากไม่เปลี่ยนตัว เลขาฯ ศอ.บต. ในรัฐบาลนี้ ก็จะได้ทำงานในห้วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการ จนถึงการเลือกตั้ง
เพราะหากไม่ตั้งคนใหม่ จะทำให้คนที่มาเป็นรัฐบาลหน้าหรือนายกฯคนต่อไปได้ ตั้ง เลขาฯศอ.บต. ใหม่ เพราะ พลเรือตรีสมเกียรติ จะจะเกษียณราชการ 30กย.นี้
แต่ ก่อนที่กระแสข่าวลือจะสะพัดไปมากกว่านีั พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นการเสนอมาจาก พลเอกประวิตร รองนายกรัฐมนตรี จึงได้นำเข้าไปพิจารณา
ที่เป็นการสยบข่าวลือที่ว่า พลเอกประยุทธ์ ต้องการเปลี่ยนตัว พลเรือตรีสมเกียรติ เพราะเป็นสายตรง พลเอกประวิตร
แต่ ที่เป็นประเด็นต่อเนื่องคือการที่พลเอกประยุทธ์ระบุว่า จะต้องทบทวนอีกครั้งว่าเขามีปัญหาอะไรหรือไม่ เป็นการตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งเนื่องจากทราบว่า มีเรื่องอะไรต่างๆพอสมควร จึงต้องตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม
“เท่าที่เห็นในโซเชียลก็มี เดี๋ยวก็ต้องสอบถามไปอีกครั้งหนึ่ง แต่อันที่จริงแล้วเขาใกล้จะครบวาระ ซึ่งในความจริงแล้วเมื่อใกล้ครบวาระก็ต้องจัดหาคนแทน จึงอยู่ในขั้นตอนของการหาคนแทน หรือไม่ก็ต้องต่อสัญญาให้เขา อันนี้ก็ต้องไปพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นการหารือใน ครม. เดี๋ยวไปดูกันอีกที” พลเอกประยุทธ์กล่าว
ที่เป็นการสะท้อนว่า พลเรือตรีสมเกียรติถูกร้องเรียนในบางเรื่อง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันในพื้นที่ว่า ถูกกลั่นแกล้ง แทงหลัง เลื่อยขาเก้าอี้ เพราะการร้องเรียนหรือปล่อยข่าวในโซเชียลฯ ในยุคนี้ใครใครก็ทำได้ แถมระดับผู้ใหญ่ในรัฐบาลกลับให้น้ำหนัก กับข้อมูลในโซเชียลมีเดีย โดยไม่สอบถามผู้ที่ถูกกล่าวหาก่อนเลย
จึงมีเสียงวิพากษ์กันว่า งานนี้อาจมีศึกภายใน ทั้งศึกภายใน ศอ.บต. เอง และศึกภายในชายแดนภาคใต้ กับหน่วยอื่นองค์กรอื่น โดยเฉพาะฝ่ายทหาร กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า หรือไม่
แต่มีรายงานยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือตรีสมเกียรติ กับทางฝ่ายทหาร โดยเฉพาะแม่ทัพต้น พลโท ศานติ สกุนตนาค แม่ทัพภาค4 และ ผอ.รมน.ภาค4 เป็นไปด้วยดีไม่ได้มีเรื่องขัดแย้ง หรือต้องร้องเรียนอะไรกัน ดังนั้นศึกภายใน ศอ.บต. จึงถูกจับตามอง
หาก ดูตัวบุคคล ใน ศอ.บต. จะพบว่า มีรองเลขาธิการ ศอ.บต. อยู่ 4 คน แต่จะเกษียณ เช่นกัน 2 คน ยังรับราชการต่อ อีก2 คน คื รองเจ๋ง นาย ชนธัญ แสงพุ่ม และ รศ.ดร. บดินทร์ รัศมีเทศ จากมหาดไทย แต่ที่ดูโดดเด่น คือ นายชนธัญ ที่ก็ถูกมองว่า มาจาก สาย พลเอก ประวิตร
ดังนั้นจึงเป็นที่จับตามองว่า ในที่สุดแล้วพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตรจะตกลงกันอย่างไร จะให้เป็นอำนาจพลเอกประวิตรในการเลือก เลขาฯ ศอ.บต.คนใหม่ แทน Siri จะสะท้อนความสัมพันธ์ของพี่น้อง 2 ป. และ เกมการเมืองของ ทั้ง 2 ป. ใช้พื้นที่ชายแดนภาคใต้ ด้วย
ท่ามกลางการจับตามองว่าจะเป็นพลเรือน ที่เป็นรองเลขา ศอ.บต.อยู่หรือจะเป็นพลเรือนจากส่วนอื่น
หรือว่า ในที่สุดแล้วจะต้องเป็นฝ่ายทหารที่จะต้องย้ายโอนจากกองทัพมาอยู่สำนักนายกฯเพื่อมาเป็นเลขาฯศอ.บต. คนใหม่
เพราะมีนายทหารชั้นนายพล ที่ทำงานชายแดนภาคใต้อยู่หลายคน รวมทั้งที่เป็นทีมงานของคณะผู้แทนพิเศษ ชายแดนภารใต้ และทีมงานของบิ๊กช้างพลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหมที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษฯ ด้วย
เรื่องนี้ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ เป็นใครก็ได้ที่ผ่านการพิจารณาคัดสรรมาแล้ว และมีความเหมาะสม เพราะการทำงานเช่นนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุดในการจะต้องได้คนดีให้ขึ้นมาทำงาน
ดังนั้นคำตอบ จะอยู่ที่ตัวเลขาธิการศอบต. คนใหม่ ที่คาดว่าคณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งก่อนที่จะมีการยุบสภาในไม่ช้านี้
และจะเชื่อมโยงได้ว่าเกี่ยวข้องกับเกมการเมืองและการเลือกตั้งหรือไม่
แม้ พลเอกประยุทธ์ จะ ยืนยันว่า เลขาฯ ศอบต. จะต้องไม่ไปทำเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ต้องมีความผิด ไปเกี่ยวข้องกันได้ที่ไหน เรื่องเลือกตั้งก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้งแล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับ ศอ.บต. ไม่เกี่ยวกัน เกี่ยวไม่ได้ ก็ตาม
—-