ศาลอาญา ยกฟ้อง “บิ๊กหยอย”
เพื่อนตท.10 “ทักษิณ”
อดีตรองแม่ทัพ3 สายข่าว
โดน คดี คสช. ฟ้อง
คดี มีอาวุธสงคราม
ไว้ ถล่ม กปปส.
ศาลชี้ หลักฐานอ่อน เป็นเพียงคำซัดทอด
“บิ๊กหยอย” ชี้ โดน คสช. กล่าวหา
สู้คดีมา 8 ปี
ยึด ม็อตโต้ “ในที่สุด ประชาชน ต้องเป็นผู้ชนะ อำนาจเผด็จการ “
.
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีมีอาวุธปืนสงคราม และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองฯ หมายเลขดำ อ.1581/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง บิ๊กหยอย พล.ท.มนัส เปาริก อายุ 73 ปี อดีตรองแม่ทัพภาค 3 และ นายวัฒนา หรือศิวะ ทรัพย์วิเชียร อายุ 59 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร มีอาวุธปืนสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์และ ฯลฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ครอบครองโดยผิดกฎหมายได้
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนธันวาคม 2556-24 พฤศจิกายน 2560 ต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร สมาชิกของคณะบุคคลที่รวมตัวกันเป็นองค์กรลับ มีแนวคิดทางการเมืองตรงกันข้ามกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มุ่งหมายต่อต้าน ขัดขวางการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยใช้อาวุธสงครามประทุษร้ายให้เกิดความเกรงกลัว
โดยมี นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ยังหลบหนีให้การสนับสนุนด้านการเงิน และจัดส่งอาวุธสงครามประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AKM) RUSSIAN 2 กระบอก เครื่องกระสุน 1,750 นัด กระสุนปืนเล็กกล M16 จำนวน 442 นัด กระสุนซ้อมยิง 226 นัด พร้อมซองกระสุน ลูกระเบิดขว้างแบบ RDG-5 จำนวน 30 ลูก กระเดื่องระเบิดแบบ RDG-5 จำนวน 30 อัน ลูกระเบิดยิงชนิดหัวระเบิด ขนาด 40 มม. 50 ลูก แท่งดินระเบิด TNT ขนาดครึ่งปอนด์ 1 แท่ง ดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1/4 ปอนด์ 4 ก้อน ฯลฯ
ให้จำเลยกับพวกนำไปแจกจ่ายให้สมาชิกใช้ก่อเหตุ ตามที่ได้ประชุมวางแผนไว้ เหตุเกิดที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง เขตลาดพร้าว เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ อ.วังน้อยจ.พระนครศรีอยุธยา และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดเป็นของกลาง และได้ตัวจำเลยทั้งสองดำเนินคดี
ชั้นสอบสวนและชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
วันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พล.ท.มนัส กล่าวว่า วันนี้ ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาเราต่อสู้คดีว่าเราไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง โดยในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการนำคำซัดทอดของผู้ต้องหารายอื่นที่ว่าอาวุธมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งยังรับฟังไม่ได้
ส่วนเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรศาลก็ยกฟ้อง เพราะจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง โดย พล.ท.มนัส โดนทั้งหมด 2 คดี คดีแรกเป็นคดีที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โอนมาจากศาลทหาร มายังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ยกฟ้องและสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนคดีนี้ก็ต้องดูว่าอัยการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่
พล.ท.มนัส กล่าวว่า คสช.ร้องทุกข์กล่าวโทษผมในคดีนี้เป็นเวลารวมทั้งหมด 8 ปี โดยที่ศาลเอง ก็บอกไม่มีหลักฐานมีเพียงคำซัดทอด หรือสร้างพยานเท็จขึ้นมา
