The Clear #3
“3ป.”พลิกเกม จูบปาก
หวั่น 3 ป.-พรรคแตก
“บิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก” ไม่แยกวง “บิ๊กป้อม”
อยู่โยง พปชร.
เคลียร์ใจ “ธรรมนัส”
.
หลัง ปฏิบัติการเปิดหน้า ของ 6 รมต. แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และกลุ่มสามมิตร ดับเครื่องชน ร. อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ด้วยการบุกขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ร้อง นายกฯบิ๊กตู่ จน พี่น้อง 3 ป. ต้องหารือด่วน เรื่องการปรับโครงสร้างพรรค และ เล็งเขี่ย ร. อ.ธรรมนัส พ้นเก้าอี้ เลขาธิการพรรค
แต่ ไม่สำเร็จ เพราะ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ หัวหน้าพรรค กระชับอำนาจ ด้วยการยืนกราน จะเอา ร.อ.ธรรมนัส เป็น เลขาฯพรรคต่อ
การเรียกประชุม แกนนำ สส. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 1 วัน พลเอกประวิตร ใช้กลยุทธ์เด็ด ให้ สส.เขียนความรู้สึก ความในใจลงบนกระดาษ เอ4 แบบไม่ต้องลงชื่อ เพื่อมาเป็นเหตุผลในการ ให้ ร.อ.ธรรมนัส ต่อ เพราะมีสส. มากกว่าครึ่ง โหวต เลือก ร.อ.ธรรมนัส ส่วนที่เหลือ ให้ หัวหน้าพรรค ตัดสินใจ
ไม่แค่นั้นยังอาศัย ปฏิบัติการ A4 นี้ ในการให้ สส. เขียนลงไปด้วยว่า อยากให้ใครเป็น หัวหน้าพรรคพปชร. ที่ส่วนใหญ่ ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า พลเอกประวิตร มีชื่อ พลเอกประยุทธ์ แค่ คนเดียว
แถมทั้งยังมี ข้อเสนอแนะ ถึง พลเอกประยุทธ์ และ รัฐมนตรี บางคน ด้วย
ว่ากันว่า พลเอกประวิตร รวบรวมให้ พลเอกประยุทธ์ ได้อ่านด้วย
การเจรจาเคลียร์ใจ ของ พี่น้อง3 ป. เกิดขึ้น นับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ ปลด ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เมื่อ 9 กย.2564 ที่ผ่านมา แต่ ก็ไม่สำเร็จมากนัก เพราะ พลเอกประวิตร ยังเคืองอยู่ แต่ทว่า ก็เป็นอำนาจ นายกฯ
จนมาครั้งนี้ หลัง ปลด ร.อ.ธรรมนัส พ้นเก้าอี้ เลขาฯพรรค ไม่สำเร็จ
ทำให้ ต้องมีการเคลียร์กันอีกครั้ง ระหว่าง พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์
โทนเสียงการพูดคุยเจรจา ในหมู่พี่น้อง คือ การเตือนกันเอง ให้ระวัง นักการเมือง บิ๊กป้อม เตือน นายกฯ อย่าฟังคนอื่น อย่าเชื่อคนอื่นมาก มีอะไรให้ถาม อย่าเพิ่งเชื่อ โดยเฉพาะ เรื่องที่เกี่ยวกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่มีคู่กรณีเพียบ
โดยมีการตอกย้ำ ถึงการเป็น พี่น้องสายเลือดเตรียมทหาร สายเลือด จปร. ของทั้ง 3 ป. และ ร.อ.ธรรมนัส
และมีการย้ำสัญญาใจ 3 ป. ที่เคยมีในการแบ่งอำนาจหน้าที่กัน ว่า เรื่องรัฐบาล ครม. การบริการประเทศ เป็นเรื่องของ นายกฯ ส่วนเรื่องมหาดไทย ท้องที่ ก็เป็นเรื่อง บิ๊กป๊อก แต่ถ้าเรื่องทางการเมือง พรรคพลังประชารัฐ เป็นอำนาจ พลเอกประวิตร หัวหน้าพรรค ในการตัดสินใจ ท้ายสุด
ส่งผลให้ พลเอกประยุทธ์ เสียงอ่อนลง โดยระบุว่า หน้าที่ใคร หน้าที่มัน ไม่ก้าวก่ายกัน เรื่องในพรรคก็ว่ากันไปตามกฏกติกาพรรค การตัดสินใจ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค นายกฯไปยุ่งกับเขาไม่ได้
จากนั้นมา พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร คุยกันเข้าใจมากขึ้น และเต็มไปด้วยข้อตกลง รวมทั้ง พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส เองโดยตรง เพื่อลดช่องว่าง ที่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น ในการที่จะร่วมมือกัน ชนะศึกเลือกตั้ง
สัญญาณหนึ่ง ที่แสดงว่า ร.อ.ธรรมนัส จะไม่ไปไหน ไม่ไปจาก พรรคพลังประชารัฐ
ตราบใดที่ยังมี พลเอกประวิตร อยู่ คือการให้ จุ๊บจิ๊บ ธนพร ศรีวิราช ภรรยา สมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. เมื่อ 12 ตค.2564 ที่ผ่านมา
แม้จะมีการผิดคิว ที่จู่ๆพรรคประชาธิปไตยใหม่ ก็แถลง ตั้ง จุ๊บติ๊บ เป็นประธานกก.ยุทธศาสตร์พรรค จน ทั้งคู่ ต้องรีบออกมาปฏิเสธ ว่าไม่เคยได้รับการติดต่อทาบทาม เพื่อสยบกระแสข่าว จะย้ายพรรค หรือไป ก่อร่างสร้างพรรคใหม่
แต่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่า หากไม่เคยมีการพูดคุยกันมาก่อน ทางพรรคประชาธิปไตยใหม่ จะออกมาแถลงได้อย่างไร หรืออาจเป็นแค่แนวคิด ที่เคยคุยกันไว้ แต่สถานการณ์เปลี่ยน ก็ต้องเปลี่ยนแผน หรืออาจเป็นพรรคสำรอง
ที่อาจสะท้อนได้ว่า มีการเจรจาเคลียร์ใจ กันได้ผลมากขึ้น แล้ว โดยเฉพาะระหว่าง พี่ตู่ กับ น้องนัส
และที่จะเป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ จะไม่แยกวง แยกทาง จาก พลเอกประวิตร แต่จะอยู่พรรค พปชร. ด้วยกันต่อไป
เมื่อมีข่าวสะพัดว่า ปลัดฉิ่ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย ที่เกษียณไปเมื่อ 30 กย. ที่ผ่านมา จะสมัครสมาชิกพรรคพปชร. และจะรับตำแหน่ง ในโครงสร้างใหม่ของพรรค
ก่อนหน้านี้ ปลัดฉิ่ง ถูกจับตามองว่าตั้ง”พรรคเศรษฐกิจไทย” ตามที่เคยเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
เนื่องจากรอดูร่างรัฐธรรมนูญว่าจะผ่านลงมาหรือไม่ เพราะถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง2 ใบ พรรคเล็กๆ ก็ยากที่จะได้รับการเลือกตั้งเข้ามา
ก่อนหน้านี้ พรรคการเมือง ของนายฉัตรชัย ถูกจับตามองว่า จะเป็นพรรคการเมืองสำรองที่เตรียมไว้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งครั้งในกรณีที่ หากพรรคพปชร.เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือมีปัญหาการเมืองภายในพรรค จนพี่น้อง 3 ป. ต้องแยกทางกันเดิน
ดังนั้น หากนายฉัตรชัย มาเข้าพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเป็นการยืนยันว่า พลเอกประยุทธ์ และพลเอกอนุพงษ์ พี่น้อง2 จะไม่แยกวงย้ายไปตั้งพรรคใหม่ แต่จะอยู่พรรคพลังประชารัฐ กับ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต่อไป และจะค่อยๆรุกคืบ ชักชวนคีย์แมน ต่างๆเข้ามาช่วยทำงานพรรคมากขึ้น
หาก ปลัดฉิ่ง ไม่ตั้งพรรคใหม่ แล้วมาซบ พปชร. ก็จะเป็นการยืนยัน ได้ดีว่า บิ๊กตู่ บิ๊กป๊อก ก็จะอยู่ พปชร. นี่ล่ะ
ในแง่ดี คือ ไม่ปล่อยให้ บิ๊กป้อม โดดเดี่ยว หรือ กลายเป็น แตกแยก แยกทาง เพราะจะทำให้ 3 ป.จะต้องปิดตำนาน แผงอำนาจที่แข็งแกร่ง ครองอำนาจ ยาวนาน เพราะถ้าแยกกัน ก็มีแต่แพ้ กับ แพ้
แต่ในอีกแง่หนึ่ง อาจมองได้ว่า 2 ป. ไม่ต้องการให้ บิ๊กป้อม และ ร.อ.ธรรมนัส ยึดพรรค
แต่คาดว่า การเคลียร์ ครั้งนี้ ที่อาจนับได้เป็นครั้งที่3 นับจาก การเคลียร์ครั้งแรก ของ นายกฯและ ผู้กองฯ เมื่อ3 กย. ก่อนโหวตญัตติไม่ไว้วางใจฯ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
ตามมาด้วยครั้งที่2 เมื่อเดิอน ตค. ที่บ้านป่ารอยต่อฯ อีกครั้ง ที่ นั่งคุยกัน นาน 2 ชม.เต็ม
และมาครั้งนี้ ครั้งที่3 หลังประชุมพรรคพปชร. ที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้ไปต่อ เป็น เลขาฯพรรค
คาดกันว่า อาจมี สัญญาใจ ระหว่าง พลเอกประยุทธ์ และร้อยเอกธรรมนัส ที่ยังไง ก็สายเลือด เตรียมทหาร สายเลือดจปร.ด้วยกัน
ที่อาจหมายถึง การให้กลับมาเป็น รมต. ในสมัยหน้า
.
เพราะ ในการลงพื้นที่ นราธิวาส กับ พลเอกประวิตร 6 พย. 2564 นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวบนเวทีปราศรัย ตอนหนึ่งว่า
ผมมาในครั้งนี้ถือว่ามาพบปะกับสมาชิกในครอบครัว
สมัยผมเป็น รมช.เกษตรฯ ได้ตั้งรูปแบบการพัฒนา จ.นราธิวาส ไม่ได้ดั่งใจ
ซึ่งการเลือกตั้งในสมัยต่อไป ผมจะพัฒนา จ.นราธิวาส ให้มีความเจริญเทียบเท่าจังหวัดอื่นๆ
ถึงเวลาแล้ว ครอบครัวพรรคพลังประชารัฐ ต้องร่วมใจกันลงคะแนนเสียงให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สังกัดพรรคพลังประชารัฐให้ได้มาทุกเขต”
จึงเป็นคำพูดที่อาจสะท้อน ความหวัง ที่ ร.อ.ธรรมนัส จะ รีเทิร์น ในรัฐบาลหน้า จากสัญญาใจ กับ 3 ป.หรือไม่
จากนี้ จึงต้องดูการเดินเกมภายใน พปชร.ของ พี่ป้อม กับ น้องตู่ ว่าจะ เคลียร์กันได้ 100% หรือไม่ เพราะยังมีความรู่สึกค้างคาใจอยู่ จะรวมกันเป็นหนึ่ง หรือว่า ยังต่างคนต่างมีเกมอำนาจของตนเอง
เพราะแก้วที่ร้าว แล้ว จะประสาน สมานกันเช่นไร ก็ยากที่จะเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนเดิม เพียงแต่ ยังเกาะเกี่ยวกันไว้ ไม่แตก ไม่แยกจากกัน
เพราะถ้า แยกทางกันเดิน…..นั่นหมายถึง การเดินถอยหลัง สู่การปิดตำนาน แห่ง 3 ป. อย่างถาวร แบบที่เรียกว่า จบไม่สวย