ปิดล้อม “บือแนบาแด”Day6
“แม่ทัพภาค4” ติดตาม ปฏิบัติการปิดล้อม
หลัง เหตุปะทะ คนร้าย
บ้านบือแนบาแด สายบุรี ปัตตานี
เป็นวันที่6
ยัง พยายามเกลี้ยกล่อม ให้เข้ามอบตัว
เคลียร์พื้นที่รอบนอก
เตือน ชาวบ้าน อย่าให้ที่พักพิง ช่วยเหลือ
มีความผิด
พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และการขยายผลการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากเหตุการณ์การปะทะในพื้นที่บ้านบือแนบาแด ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
หลังเข้าวันที่ 6 ของการปฏิบัติการปิดล้อมในครั้งนี้
แม่ทัพภาค 4 ได้เน้นย้ำกำชับหน่วยให้ดำเนินการตามขั้นตอนการใช้กำลังอย่างเหมาะสม ดำเนินการบนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน เลี่ยงการใช้อาวุธกับผู้ก่อเหตุรุนแรง เน้นประสานการทำงานร่วมกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาในพื้นที่ และญาติของผู้ก่อเหตุรุนแรง เข้าพูดคุย เจรจา เกลี่ยกล่อม ให้ยอมเข้ามอบตัว เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย แม้ตลอดระยะเวลา 5 วันที่ผ่านมายังไร้วี่แววการเข้ามอบตัวของผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

พลโทเกรียงไกร กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันที่ 6 ของการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จากเหตุการณ์การปะทะในพื้นที่บ้านบือแนบาแด ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง เพื่อลดการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งกำลัง และอาวุธ เน้นการเจรจาพูดคุยเป็นสำคัญ แม้ความคืบหน้าการปฏิบัติการปิดล้อมในครั้งนี้ยังไร้วี่แววผู้ก่อเหตุรุนแรงมอบตัว
ขณะเดียวกันได้มีการใช้รถแบ็คโฮเข้าถางเคลียร์พื้นที่ แทนการใช้กำลังอาวุธ เพื่อเปิดทัศนวิสัยในการมองเห็น ซึ่งคาดว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะเป็นจุดหลบซ่อนตัวของผู้ก่อเหตุรุนแรง เนื่องจากยังคงพบร่องรอยความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตรุนแรงในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งได้ดำเนินการติดตามในทุกคดีที่เกิดขึ้น
ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนทุกคน อย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดทั้งการให้ที่พักพิง หลบซ่อน จัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการช่วยเหลือโจรเท่ากับเป็นโจรเหมือนกัน
รวมทั้งให้แจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งเบาะแสสายตรงหาแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ที่หมายเลข โทรศัพท์ 061 – 173 – 2999 หรือเบอร์สายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
