วันอาทิตย์, 4 มิถุนายน 2566

“โปรดเกล้าฯ”ถอดยศ “ร้อยโท หมอทหาร”

“โปรดเกล้าฯ”ถอดยศ “ร้อยโท หมอทหาร” ถูกข้อหา ฉีดวัคซีนโรคบาดทะยัก แทนวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา ให้ทหารไทย ในซูดาน
ถูกเรียกตัวกลับ ตั้งกก.สอบสวนฯ
แต่หนึทหาร ไม่มารายงานตัว
ถูกเรียกคืน ใบประกอบโรคศิลป์
จนที่สุด ถูกถอดยศ
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหาร
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด ร้อยโท จิณณวัตร เจรียงโรจน์ นายทหารสัญญาบัตร สังกัดกองทัพบก ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓
เนื่องจากกระทำความผิดฐานหนีราชการทหารในเวลาประจำการ ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๐๑ ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ ข้อ ๒
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
สำหรับ ร้อยโท จิณณวัตร เจรียงโรจน์ นี้
กองทัพไทย ได้ตั้งกรรมการสอบสวน
กรณี การฉีดวัคซีน ให้กำลังพล ที่ไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในซูดาน แต่ถูกสงสัยว่า ไม่ใช่วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา
สำหรับ ร้อยโท จิณณวัตร เจรียงโรจน์ นี้
กองทัพไทย ได้ตั้งกรรมการสอบสวน
กรณี การฉีดวัคซีน ให้กำลังพล ที่ไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในซูดาน แต่ถูกสงสัยว่า ไม่ใช่วัคซีน
ต่อมา พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีคำสั่ง เรียกตัว หมอทหารคนนี้ กลับมาที่ไทย และแจ้งเรื่องให้ทางกองทัพบกทราบ แต่ไม่ได้เข้ามารายงานตัว มีการตั้งกรรมการสอบสวนฯ
ต่อมาทางกองทัพ ได้ทำหนังสือไปยังแพทยสภา ให้เรียกคืน ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ของแพทย์ และถูกออกหมายจับเนื่องจากหนีราชการทหาร และจนถูกถอดยศ ดังกล่าว
ข่าวอ้างอิง
ทั้งนี้ เมื่อ 2 มี.ค.64 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วย พล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหาร แถลงข่าว กรณีกำลังพลร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน (UNMISS) ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงในการหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพลเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกาช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
พล.ท.เชาวลิตร กล่าวว่า ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับนายทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจที่เซาท์ซูดานถูกสอบสวน กรณีหลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศแอฟริกานั้น กองบัญชาการกองทัพไทย ขอเรียนว่าเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นนายทหารสัญญาบัตรยศ ร.ท. ตำแหน่งนายแพทย์โรงพยาบาลสนามระดับ 1 กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชากองกำลังภารกิจสหประชาชาติในเซาท์ซูดาน และกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดทราบ พร้อมทั้งให้กำลังพลดังกล่าวจบภารกิจ และส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อ มี.ค. 2563
พล.ท.เชาวลิตร กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทยและประเทศไทยในภารกิจร่วมสหประชาชาติ ซึ่งกรณีดังกล่าวกองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างทันท่วงที โดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดแต่อย่างใด โดยกองทัพบกในฐานะเป็นต้นสังกัดกำลังพลดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และพิจารณาในประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมควบคู่กันไป
สำหรับผลการสอบสวนสรุปว่า นายทหารท่านดังกล่าวได้กระทำผิดจริง มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บังคับบัญชาและกำลังพลให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายแพทย์ประจำภารกิจ แต่กลับนำสารอื่นเข้าสู่ร่างกายกำลังพลแทน พร้อมทั้งได้เรียกเก็บเงินกำลังพลเป็นค่าวัคซีนด้วย แสดงถึงเจตนาทุจริตหลอกลวง พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกง และประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ ในระหว่างการสอบสวนนายทหารคนดังกล่าวไม่มาปฏิบัติหน้าที่ราชการ และไม่สามารถติดต่อได้ หน่วยต้นสังกัดจึงได้ดำเนินการในฐานความผิดหนีราชการในเวลาประจำการ และเสนอปลดออกจากราชการ พร้อมกันนี้ศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับในข้อหาหนีราชการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้นได้มีหนังสือถึงแพทยสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา ในระหว่างนี้แพทยสภาจะให้โอกาสนายแพทย์คนดังกล่าวมาชี้แจงอีกครั้งหลังจากเรียกมาให้ข้อมูลครั้งนึงแล้ว หากไม่มาก็จะถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป
โฆษก บก.ทท. กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเรียนว่าเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ผิดวินัยทหารและกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของกองทัพและประเทศชาติ กองทัพไทยได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรมทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบ และสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนทั่วไป
สำหรับในส่วนของกำลังสหประชาชาติก็มีความเข้าใจในกระบวนการที่กองทัพไทยได้ดำเนินการต่อเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อภารกิจโดยรวมของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ซึ่งกำลังพลทุกนายยังทุ่มเทปฏิบัติงานด้านการช่างและการรักษาสันติภาพที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง
โฆษก บก.ทท. กล่าวว่า ตั้งแต่มีการจัดกองกำลังไปปฏิบัติงานในนามของสหประชาชาติไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก เนื่องจากที่ผ่านมาเรามีกระบวนการคัดเลือกบุคลากร ศึกษาถึงภูมิหลัง สอบถามผู้บังคับบัญชา แต่กรณีของนายแพทย์คนดังกล่าว ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือก เนื่องจากไปแทนนายแพทย์คนเดิมที่ต้องกลับมาประเทศไทยในช่วงนั้น จึงเป็นเรื่องกะทันหันไม่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ
พล.ท.ชวลิตร กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ นายแพทย์คนดังกล่าวยอมรับกับ ผบ.ร้อยทหารช่างฯ เองว่าทำคนเดียว ไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยได้จัดซื้อวัคซีนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทางยูเอ็นนำไปตรวจสอบพบว่าเป็นวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก ไม่ใช่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา
ส่วนกำลังพลที่เสียหายไม่ได้ติดใจอะไร เนื่องจากจำนวนเงินที่เสียหายต่อคนประมาณแค่ 500 บาท รวมกำลังพลกว่า 200 นาย รวมจำนวนแล้วประมาณ 1.7 แสนกว่าบาท ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนเงินมากมาย แต่สิ่งที่เราตระหนักก็คือเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม
ส่วนกรณีที่แพทย์คนนั้นได้อ้างว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเป็นโรคที่ห้ามเป็นทหารนั้น ไม่ขอตอบประเด็นนี้ แต่การเป็นทหารและเรียนการแพทย์ทหารบก ทั้งสมองและร่างกายจะต้องมีความแข็งแรงสมบูรณ์ จะไม่รู้เจตนาว่าทำไปทำไม อีกทั้งตัวเขาเองนั้นก็ยศร้อยโท อายุไม่มากนัก เรื่องส่วนที่อ้างว่าถูกกำลังพลของกองร้อยทหารช่างฯคุกคามข่มขู่นั้นก็ไม่เป็นความจริง จากการสอบถามกำลังพลทั้งหมดให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่ ทบ.และแพทยสภาเปิดโอกาสให้ชี้แจงตัว เขาก็ไม่มาชี้แจ
ด้าน พล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลที่เดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าวจะมีมาตรฐานจากยูเอ็นกำหนดไว้ โดยก่อนออกเดินทางทุกคนจะได้รับวัคซีน 3 ชนิด คือ ไข้เหลือง กาฬหลังแอ่น อหิวาห์ตกโรค หากมีความต้องการฉีดเพิ่มต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งช่วงดังกล่าวมีการแพร่ระบาดโควิด มีการแนะนำว่า หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการส่งแพทย์คนดังกล่าวไปแทนคนเก่านั้นก็เป็นเหตุสุดวิสัย
อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ
error: Content is protected !!