“บิ๊กตู่” ไม่โกรธ พลเรือน เรียก”คุณประยุทธ์” แต่ ถ้าเป็น ทหาร ตำรวจ เรียก ต้อง รักษาศักดิ์ศรีของตนเองด้วย
ยัน ผม เป็น นายกฯ ไม่ได้สั่งทั้งหมดได้แต่เพียงผู้เดียว ผมไม่ใช่นายกฯ แบบนั้น ไม่เคยทำแบบนั้น แม้ในช่วง คสช. ก็มีคณะทำงานมาทั้งหมด”
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในสภา ว่า การชี้แจงของรัฐบาลจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง เพราะเป็นผู้ปฏิบัติ ซึ่งแต่ละกระทรวงก็มีแนวหลักกฎหมายของตนเอง
นายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้กำหนดนโยบายและกำหนดแนวทางในการทำงาน
“นายกฯ ไม่ได้สั่งทั้งหมดได้แต่เพียงผู้เดียว ผมไม่ใช่นายกฯ แบบนั้น ไม่เคยทำแบบนั้น แม้ในช่วง คสช. ก็มีคณะทำงานมาทั้งหมด”
ฉะนั้นเมื่อมีการกล่าวหาลงในรายละเอียด จึงจำเป็นต้องให้ชี้แจงด้วย ไม่ถือว่าพาดพิง
ส่วนการพูดในรายละเอียดที่จะต้องเข้าใจอย่างถูกต้อง และต้องการให้ประชาชนที่อยู่ทางบ้านได้รับฟังข้อเท็จจริง คำตอบของคำอภิปราย เพื่อสร้างความรับรู้และความปรองดอง ไม่ต้องการให้แบ่งฝ่าย สิ่งผิดกลายเป็นถูก โดยไม่มีหลักการและเหตุผล
ส่วนกรณีการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ว่า ในส่วนของพลเรือนด้วยกันนั้น ผมไม่ห่วงว่าจะเรียกใครว่าอะไร แต่ในส่วนของทหาร ตำรวจ ทั้งหลายที่เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณมาด้วยกัน รับพระราชทานยศมาด้วยกัน ก็กรุณารักษาศักดิ์ศรีของตนเองไว้ด้วย ผมไม่ได้มีโกรธเคืองอะไรท่านเลย เพียงแต่พูดให้ฟังเฉยๆ”
สำหรับ 3 ประเด็นได้แก่ หอประชุมเมือง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ การเอื้อประโยชน์ของ กสทช นั้น จะได้มอบให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแล
โดยกรณีหอประชุมเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า เป็นโครงการของภาคเอกชนที่จะก่อสร้างเพื่อรวบรวมเป็นภูมิสถานให้คงอยู่คู่แผ่นดิน และไม่ได้ใช้งบประมาณของภาครัฐเลย เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดจะมอบให้กรมธนารักษ์ ซึ่งเท่ากับได้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าเฉพาะสิ่งปลูกสร้างประมาณ 4,423 ล้านบาท โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม